Posted on Leave a comment

หน้าขาวด้วยมะนาว

อยากขาวกระจ่างใสสะดุดตาเหมือนสาวเมืองหนาว แต่วิธีไหน ๆ ก็ไม่ได้ผล ครีมก็แล้วใช้เท่าไหร่ก็ไม่ขาวขึ้น จะใช้นวัตกรรมผิวขาวใหม่ ๆ ก็กลัวอันตรายจากผลข้างเคียง และมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยคุณได้ ของก้นครัวที่สามารถช่วยให้คุณมีผิวขาวกระจ่างใสได้ อีกทั้งยังเนียนนุ่มอีกด้วย สิ่งนั้นก็คือมะนาวนั่นเอง ที่ใคร ๆ ก็เมินและไม่คิดมาก่อนว่ามะนาวนั้นจะสามารถช่วยในเรื่องความสวยความงามได้ ข้อมูลดี ๆ เหล่านี้ที่ราจะนำมาฝาก

หน้าขาวด้วยมะนาว

1.มะนาวขาวใส

นำมะนาว 1 ลูก ล้างให้สะอาดแล้วผ่ามะนาวออกเป็นซีกใหญ่ๆ 3-4 ซีก แคะเมล็ดออกให้หมดและบีบเอาน้ำมะนาวใส่ถ้วยไว้ จากนั้น ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า แล้วใช้ผ้าขนหนูซับใบหน้าเบา ๆ ให้แห้งสนิท แล้วนำเปลือกมะนาวที่คั้นน้ำแล้ว ชุบน้ำมะนาวเล็กน้อยในถ้วยที่ใส่ไว้ แล้วนำมาทา และถูวน ๆ ให้ทั่วใบหน้าอย่างเบา ๆ ช้า ๆ ทาไปเรื่อย ๆ จนน้ำมะนาวหมดในถ้วยหมดและ ทิ้งไว้ 30-40 นาที จึงค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น ๆ จนสะอาดและตามด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน ผิวหน้าจะขาวใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

2.มะนาวขาวเปล่งปลั่ง

นำน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และหัวไชเท้า 1 ถ้วยตวง นำส่วนผสมทั้งสองอย่างมาปั่นรวมกันให้ละเอียดกลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้น นำไปพอกให้ทั่วใบหน้าถูวน ๆ 2-3 นาที แล้วพอกทิ้งไว้ประมาณ  20-30 นาที จึงค่อยล้างออกล้างออกด้วยน้ำอุ่น เพียงแค่นี้หน้าก็จะใสเปล่งปลั่งสะดุดตา

3.มะนาวใสไร้ริ้วรอย

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสมทั้งสองอย่างมาคนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำไปทาให้ทั่วทั้งใบหน้า แล้วทิ้งไว้ประมาณ 20-40 นาที แล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียงทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็เห็นผลได้อย่างชัดเจน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ทำให้หน้าขาวกระจ่างใสใส เนียนนุ่มชวนสัมผัส

4.มะนาวขาวเนียนนุ่ม

ใช้น้ำมะนาวครึ่งลูก และดินสอพอง 4-5 เม็ด บดให้ละเอียด จากนั้นส่วนผสมทั้งสองอย่างมาผสมให้เข้ากัน จะได้เป็นเนื้อครีมที่เหนียวข้น แล้วพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที ก่อนเข้านอน แล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำสัปดาห์ละ 2-4 ครั้ง ไม่เกิน 2 เดือน และหลังจากนั้นก็ลดจำนวนครั้งลง รับรองเลยว่าจะได้ผิวที่ขาวกนระจ่างใส แถมเนียนนุ่มเป็นของแถมอีกด้วย

สูตรจากของก้นครัวอย่างมะนาวนี้เป็นที่นิยมอย่างมากเพราะในมะนาวมีความเป็นกรดที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไปและส่วนผสมอื่นๆ ที่เรานำมาผสมก็จะได้ผิวเนียนนุ่มเป็นของแหมอีกด้วย

 

Posted on Leave a comment

ครีมทาตัวสำหรับคนผิวแห้ง

ใคร ๆ ก็อยากที่จะมีผิวที่ ขาวกระจ่างใส เนียนนุ่มชุ่มชื้นชวนสัมผัสด้วยกันทั้งนั้น โดยนอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้วนั้น ก็ต้องมีการบำรุงผิวด้วยการทาครีมบำรุงผิวควบคู่กันไปด้วย แต่เมื่อพูดถึงครีมบำรุงผิว สาว ๆ ที่ต้องคิดหนักนอกจากสาวผิวมันแล้วก็คือสาวผิวแห้งนั่นเอง ซึ่งผิวที่แห้งนั้นเกิดจากการที่ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมาน้อย คนผิวแห้งนี้จึงจำเป็นจะต้องทาครีมบำรุงผิวบ่อยกว่าปกติ แต่การพกพาไปไหนก็ลำบาก เราก็ได้นำวิธีการเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของอะไรบ้างที่จะทำให้ผิงคงความชุ่มชื้นได้นาน

ครีมทาตัวสำหรับคนผิวแห้ง

1.น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอกสามารถฟื้นฟู และบำรุงผิวหนังได้เป็นอย่างดีทีเดียว เพราะในน้ำมันมะกอกมีโครงสร้างที่คล้ายกับน้ำมันที่หล่อเลี้ยงผิว ทำให้น้ำมันซึมผ่านลงไปหล่อเลี้ยงผิวได้ดีขึ้น อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นเสมือนฟิล์มธรรมชาติคอยปกป้องผิวไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยง และถูกทำลายจากมลภาวะภายนอก ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นยาวนาน

2.คอลลาเจน (Collagen)

คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ชั้นหนังแท้ และนับว่าเป็นโปรตีนแห่งความงาม ที่มีชื่อเรียกว่า คอลลาเจนโปรตีน เป็นโปรตีนที่สำคัญสำหรับผิวหนัง เพราะเป็นส่วนสปริงของผิวหนังที่สร้างความเต่งตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ โดยคอลลาเจนทำหน้าที่เสริมความเรียบตึงของผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรง และเรียบเนียน และอยู่คู่กับโปรตีนที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ อิลาสติน

3.ข้าวโอ๊ต

ในข้าวโอ๊ตจะมีสรรพคุณช่วยในการรักษาสิว ผิวไหม้ ทั้งยังได้รับการพิสูจน์ในวงการแพทย์ด้วยว่าเหมาะสำหรับรักษาผิวแห้ง ผื่นคัน ผิวแพ้ง่าย ซึ่งข้าวโอ๊ตไม่เพียงแค่ทำความสะอาดผิวเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน และช่วยให้สาระสำคัญอื่นๆ แทรกซึมเข้าไปบำรุงผิวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของข้าวโอ๊ตจึงเหมาะสำหรับสาวผิวแห้งเป็นอย่างมาก

4.ฟักข้าว

ฟักข้าวนอกจากจะช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยเหี่ยวย่นแล้ว ยังช่วยให้ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มคงความชุ่มชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ปกป้องเซลล์ผิวให้แข็งแรงจากอันตรายภายนอกพร้อมกระชับรูขุมขน

สาว ๆ ที่มีผิวแห้งรู้อย่างนี้แล้วรีบไปหาซื้อครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมต่อไปนี้ได้เลย โดยส่วนผสมเพียง 2-3 ชนิดที่ได้นำมาบอกก็สามารถช่วยให้ผิวของสาว ๆ ที่มีผิวแห้งกลับมามีความนุ่ม ชุ่มชื้นและล็อคความชุ่มชื้นไว้ได้ยาวนาน ไม่ต้องทาครีมบำรุงผิวที่พกพาไปไหนลำบากอยู่ตลอดด้วย

 

Posted on Leave a comment

ครีมทาหน้าสำหรับคนผิวแห้ง

หลายๆ คนตอนนี้เป็นกังวลมากกับการที่มีผิวหน้าที่แห้งเพราะการที่ผิวหน้าแห้งนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย คนที่มีผิวหน้าที่แห้งมักจะเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรและยังเป็นฝ่าได้ง่ายอีกต่างหาก หน้าหนาวมาทีไรหน้าแตกเป็นขุยได้ง่ายมากๆ ทาครีมอะไรก็ไม่ติดหน้า แล้วถ้าหน้าต้องทำยังไงดีละให้มีผิวหน้าที่ดี เมื่อคิดเช่นนี้หลายคนจึงเลือกหาครีมทาหน้ามาบำรุงผิวหน้าแต่ทายังไงผิวหน้าก็ไม่หายแห้งสักทีนั้นเป็นเพราะคุณเลือกครีมทาหน้าที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองนั้นเอง วันนี้เราจึงมีวิธีการเลือกครีมทาหน้าสำหรับคนที่มีผิวหน้าแห้งมาฝากผู้อ่านให้ได้ศึกษากันเพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการเลือกผลิตภัณฑ์ครีมทาหน้าได้อย่างเหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง อยากรู้แล้วใช่ไหมละว่าต้องเลือกยังไงถ้าอย่างนั้นอย่ารอช้าไปดูกันเลย

23

ครีมทาหน้าสำหรับคนผิวแห้ง

หากเรามีผิวหน้าที่แห้งเราต้องหาครีมทาหน้าที่สามารถป้องกันผิวหน้าของเราไม่ให้แห้งได้โดยต้องเลือกที่เหมาะกับสภาพผิวของเราควรใช้ครีมทาหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้าได้เป็นอย่างดีเนื้อครีมเหนียวหรือไม่เหนียวก็ได้แต่หากเลือกเนื้อครีมที่เหนียวเกินไปถึงเราจะเป็นคนที่มีผิวหน้าที่แห้งก็สามารถเป็นสิวอุดตันได้หากเป็นคนที่มีผิวที่แห้งมากๆ ควรเลือกครีมทาหน้าที่สามารกักเก็บความชุ่มชื่นให้แก่ผิวได้ตลอดทั้งวันและครีมทาหน้าที่เราใช้เมื่อเรานำไปทาหน้าควรจะมีความรู้สึกว่าผิวเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้นและควรมีสารที่ปกป้องรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรด้วยมีคุณสมบัติป้องกันแสงแดดได้ด้วยละก็เลิศเข้าไปได้อีก แต่หากคุณมีใบหน้าที่แพ้ง่ายควรเลือกครีมทาหน้าที่มีสารสกัดมาจากธรรมชาติเพราะครีมที่มีสารสกัดจากธรรมชาติส่วนใหญ่สารเคมีจะน้อยลดอาการแพ้สารเคมีได้ระดับหนึ่งและก็เหมือนเดิมคือเลือกที่สามารถกักเก็บความชุ่มชื่นให้แก่ผิวได้

            คนผิวแห้งควรที่จะใส่ใจและถะนุถนอมผิวเป็นพิเศษควรหลีกเลี่ยงสภาวะที่ที่ทำให้เกิดความรุนแรงต่อผิวเช่นการออกไปตากแดดเป็นเวลานานโดยไม่ได้ป้องกันเลย การสัมผัสอากาศที่ร้อนและเย็นจนเกินไปการล้างหน้าอย่างรุนแรงการทำซาวหน้า และการใช้น้ำอุ่นล้างหน้าเป็นประจำสิ่งพวกนี้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดริ้วรอยเร็วขึ้น แต่คนผิวแห้งอย่างเรามีข้อดีตรงที่เป็นคนที่ผิวหน้าเรียบเนียน รูขุมขนเล็กกระชับ ไม่ค่อยมีปัญหาสิวเสี้ยนให้กวนใจนั้นเองหากได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกวิธีรับรองว่าสวยแน่นอน           

Posted on Leave a comment

ประเภทของครีมทาหน้า

ครีมทาหน้าทุกคนต่างเคยใช้ด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่เลือกไม่ถูก และไม่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองโดยวันนี้เราได้นำเอาประเภทของครีมทาหน้ามานำเสนอโดยแบ่งตามความแตกต่างของเนื้อผลิตภัณฑ์

ประเภทของครีมทาหน้า

1.ผลิตภัณฑ์แบบเนื้อครีม(Cream)

เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการผสมน้ำกับน้ำมันเข้าด้วยกัน โดยจะมีส่วผสมของน้ำมันที่มากกว่า ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างที่จะข้น หนืด และหนักกว่าเนื้อแบบอื่นๆ ซึ่งทำให้การซึมเข้าผิวช้ากว่าตัวอื่นหรือช้าที่สุด เนื้อครีมนี้จะเคลือบอยู่บริเวณผิวชั้นบนมากกว่า จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้ดีที่สุด

2.ผลิตภัณฑ์แบบเนื้อโลชั่น (Lotion)

เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันและน้ำเข้าด้วยกัน แต่ส่วนผสมส่วนใหญ่จะเป็นน้ำมากกว่า หรือเรียกว่า Water base แต่จะซึมเข้าผิวได้ดีกว่าแบบครีม ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับคนที่มีผิมผสม และผิวมัน โลชั่นที่ใส่สารบำรุงผิวเยอะจะทำออกมาเป็นโลชั่นทาหน้า แต่ถ้าใส่สารบำรุงผิวน้อยก็จะทำออกมาเป็นโลชั่นทาผิว

3.ผลิตภัณฑ์แบบเนื้อเจล (Gel)

เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำมันในปริมาณที่น้อยหรือไม่มีเลย โดยกระบวนการผลิตจะใส่สารที่ทำให้เกิดเนื้อเจลแล้วปั่นรวมกับสารอื่นไม่ว่าจะเป็นสารบำรุงผิว น้ำ น้ำหอม หรือแม้กระทั่งสารกันเสีย ซึมเข้าผิวได้เร็ว ไม่ค่อยอุดตัน ทาแล้วไม่ทำให้หน้ามันมากเหมือนกับเนื้อครีมหรือโลชั่น เหมาะกับคนเป็นสิว ซึ่งผลิตภัณฑ์รักษาสิวหลายตัวที่นิยมทำให้ออกมาในรูปแบบของเจลก็ด้วยสาเหตุนี้ ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง เพราะไม่ค่อยใส่สารที่ให้ความชุ่มชื้นหรือพวกน้ำมันเข้าไป

4.ผลิตภัณฑ์แบบเนื้อซีรั่ม (Serum)

หลายคนคิดว่าผลิตภัณฑ์แบบเนื้อซีรั่มนั้นเป็นที่สุดของครีมบำรุงผิว เมื่อทาแล้วผิวหน้าจะเรียบเนียนสวยกว่าการทาครีมทั่วๆไป ซึ่งก็จริง แต่ความจริงแล้วผลิตภัณฑ์แบบเนื้อซีรั่มบางตัวนั้นไม่ได้มีการผลิตที่แตกต่างจากครีมทั่วไปมากนัก เพียงแต่ผลิตภัณฑ์แบบเนื้อซีรั่มนั้นจะใส่สารบำรุงผิวเข้าไปในปริมาณที่มากกว่าปกติ มากกว่าครีมหรือโลชั่นทาผิวแบบทั่วๆไป

5.ผลิตภัณฑ์แบบเนื้อฟลูอิด (Fluid) หรือ เอสเซ้นส์ (Essence)

ผลิตภัณฑ์แบบเนื้อฟลูอิด(Fluid) หรือ เอสเซ้นส์ (Essence) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ทำโมเลกุลของครีมหรือสารให้มีขนาดเล็กลง หรือที่คุ้นหูว่าแบบนาโน ซึ่งช่วยให้ผลิตภัณฑ์แบบเนื้อฟลูอิดซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น ส่วนใหญ่จะอยู่รูปแบบ water base ซึ่งเป็นเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงซีรั่มมาก และมีราคาสูง

จากข้อมูลดี ๆ เหล่านี้ที่เรานำมาฝากกันอีกแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อใครที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ทาหน้าอยู่ ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ

 

Posted on Leave a comment

ครีมทาหน้าขาวแบบธรรมชาติ

อยากมีใบหน้าที่ขาวใส ดูเป็นธรรมชาติแต่เลือกไม่ถูกว่าจะใช้ครีมยี่ห้อไหนดี ครีมที่เคยใช้ก็ไม่ดีขึ้น วันนี้เราจะมาช่วยทุกคนตัดสินใจค่ะ โดยครีมที่ทำให้หน้าขาวอย่างเป็นธรรมชาติต้องมีส่วนผสมที่เรานำมาฝาก

1.วิตามินซี

มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ตัวการที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ป้องกันอันตรายจากรังสียูวีในแดด และจะทำงานได้ดียิ่งขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับวิตามิน E นอกจากนี้ยังช่วยสมานแผล และแก้ปัญหาจุดด่างดำ

2.วิตามินอี

ช่วยลดอัตราการทำลายของแสงแดด ที่ทำให้เกิดรอยแดง ลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด ช่วยชะลอความชราภาพของผิว ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น แตกลาย ให้ความชุ่มชื้น และลดความหยาบกร้านของผิวพรรณ

3.อัลฟา-อาร์บูติน

เป็นสารสกัดที่ได้จากพืชหลายชนิด เป็นอนุพันธ์ของสารพวกไฮโดรคิวโนน (Hydroquinone) จึงจัดเป็นกลุ่ม Whitening ที่ออกฤทธิ์ได้ผลดีมาก แต่ไม่มีอาการข้างเคียงมากเหมือนกับไฮโดรคิวโนนได้รับความนิยมสูงมาก เพราะสามารถหยุดขบวนการสร้างเม็ดสีเมลานินที่เซลล์ผิวหนังได้ โดยไปยับยั้งเอ็นไซม์ Tyrosinase ซึ่งเอ็นไซม์นี้จะไปเปลี่ยนสาร Tyrosine และ Dopa ให้เป็นเมลานิน จึงทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสได้ โดยไม่ทำให้ผิวบางลง

4.โคเอนไซม์คิวเทน

โคเอนไซม์คิวเท็นจะช่วยลบเลือนริ้วรอย แต่ต้องใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

5.สารสกัดจากเมล็ดองุ่น

ยับยั้งการสร้างเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยลบเลือนริ้วรอยบนผิวหน้าได้เป็นอย่างดี

6.สารสกัดจากเปลือกสน

กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวกลับมามีความนุ่มและอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ปรับสภาพผิวให้ดูมีความกระจ่างใส และยังช่วยในการบำรุงส้นเท้า

7.สารสกัดจากมะเขือเทศ

ช่วยในการป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย อุดมไปด้วยวิตามิน ที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ป้องกันการเกิดริ้วรอย ช่วยสมานผิวลดการเกิดสิว  กระชับรุมขนให้เล็กลง และช่วยทำให้ผิวเนียนละเอียดปรับสมดุลผิว  ป้องกันการสูญเสียน้ำในเซลล์ผิว ทำให้ผิวมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งยิ่งขึ้น และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต

8.สารสกัดจากชาเขียว

ในใบชาเขียวมีสาร polyphenols ที่มีคุณสมบัติเป็นสารแอนติออกซิแดนซ์ที่ทรงพลังในปริมาณสูง ช่วยล้างพิษออกจากชั้นเซลล์ผิวให้หมดจดและฟื้นฟูสภาพผิวที่ร่วงโรย ช่วยให้ผิวนุ่มนวล สดใส เพิ่มความเปล่งปลั่งให้กับเซลล์ผิว ช่วยควบคุมความมันของผิว

เพียงเท่านี้ ก็สามารถเลือกซื้อครีมที่ตอบสนองความต้องการของเราได้แล้วโดยศึกษาจากสรรพคุณของวิตามิน และสารสกัดเหล่านี้รับรองว่าได้ผลแน่นอน

 

Posted on Leave a comment

สูตรรักแร้ขาวได้ด้วยวิธีง่าย ๆ

ทำอย่างไรดีเมื่ออยากใส่แขนกุด เกาะอกแต่มีปัญหารักแร้ดำแก้อย่างไรก็ไม่หายสักที ซึ่งสร้างความกังวลใจทำให้เกิดความไม่มั่นใจไม่ว่าจะใส่ชุดแบบไหนก็ต้องคอยกังวลอยู่ตลอดเวลา ถ้าอยากมีใต้วงแขนที่ขาวเรียบเนียนราวกับผิวเด็ก นำเอาสูตรรักแร้ขาวของเราไปลองทำกันได้เลย ซึ่งเป็นสูตรง่าย ๆ และประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ได้ผลจริง และทำให้สาว ๆ กล้าที่จะใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ใส่ได้อย่างมั่นใจไม่ต้องกังวลเรื่องรักแร้ดำอีกแน่นอน

 

1.มันฝรั่งดิบ

ในมันฝรั่งมีเอนไซม์ธรรมชาติอยู่มากที่ช่วยให้ผิวของเราขาวกระจ่างใสขึ้นได้ โดยนำเอามันฝรั่งดิบมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นแว่นบาง ๆ หรือบูดให้เป็นเนื้อละเอียดก็ได้ตามสะดวก นำไปขัดถูที่รักแร้เบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้งรับรองได้ว่ารักแร้กลับมาขาว เนียนได้อย่างแน่นอน

2.มะนาว

เป็นสูตรที่นิยมทำกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากหาซื้อได้ง่าย และมีราคาถูก เห็นผลได้อย่างรวดเร็วโดยนำเอามะนาวสด 1 ลูก ฝานเป็นแว่น ๆ หรือเป็นซีก นำเมล็ดออกแล้วนำมาถูบริเวณรักแร้ ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที จึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำเป็นประจำทุกวันก่อนอาบน้ำ ก็จะทำให้รักแร้ค่อยๆขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

3.แตงกวา

แตงกวาถือเป็นผักที่มีตามตู้เย็นเลยก็ว่าได้ แต่สามารถทำให้รักแร้กลับมาขาวกระจ่างใส เนียนนุ่มได้เป็นอย่างดี โดยนำเอาแตงกวามาปั่นให้ละเอียดและคั้นเอาแต่น้ำ ไปผสมกับผงขมิ้น และน้ำมะนาวจนได้เป็นเนื้อครีม จากนั้นมาทาที่รักแร้ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที จึงค่อยล้างออกให้สะอาด ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือวันเว้นวันก็ได้ ไม่เกินสามสัปดาห์รักแร้จะเริ่มขาวใสขึ้นอย่างแน่นอน

4.น้ำมันมะพร้าว

นำน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำแตงกวาคั้นสด 2 ช้อนชา และผงขมิ้นอีก 1 ช้อนชา คนให้เข้ากันจะได้เป็นเนื้อครีมเหลว ๆ จากนั้นนำไปทาให้ทั่วรักแร้ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3 ครั้งรับรองว่าไม่เกิน 1 เดือนรักแร้ดำก็จะค่อยๆหายไป เหลือแต่รักแร้ที่ขาวกระจ่างในแทน

  สูตรเคล็ดลับนี้ รับรองว่าถ้าหากทำตามเป็นประจำ สม่ำเสมอ รักแร้ที่เคยดำ ไม่เรียบเนียนจะกลับมาขาวกระจ่างใส และเรียบเนียนอย่างแน่นอน ทั้งยังประหยัดเงิน และเวลาอีกด้วย เมื่ออยากแต่งตัวสวย ๆ ไปอวดใต้วงแขนก็สามารถทำได้ และเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้เราพร้อมกับทุกสถานการณ์อีกด้วย

Posted on Leave a comment

สูตรขัดผิวสำหรับหน้าหนาว

   เมื่อเข้าสู่หน้าหนาว ปัญหาใหญ่ที่พบเจออยู่เป็นประจำเลยก็คือ ผิวแห้งกร้าน แตกลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครพึงประสงค์กันอย่างแน่นอนโดยสาเหตุหลักก็มาจากอากาศที่หนาวเย็น แห้ง ยิ่งผิวเราสัมผัสกับน้ำเป็นเวลานานเช่น การอาบน้ำหรือการล้างหน้าทำให้ผิวเราสูญเสียความชุ่มชื้น สูญเสียน้ำมันบนผิวหนังไปทำให้เกิดผิวแห้งแตกนั่นเอง แต่เมื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องอาบน้ำไม่ได้ และต้องใช้เวลาในการขัดผิวเอาเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไปแต่ไม่อยากให้ผิวแห้งแตก วันนี้เราจึงนำเอาวิธีการขัดผิวที่เหมาะสำหรับช่วงหน้าหนาวมาฝากกันค่ะ

1.ใยบวบ

ใยบวบเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิวกายที่นิยมใช้กันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะผิวแบบไหนก็ใช้ได้ทั้งนั้น โดยในช่วงหน้าหนาวใยบวบก็สามารถใช้ได้เช่นกัน โดยชโลมร่างกายด้วยน้ำอุ่น ๆ ประมาณ 3 นาที แล้วใช้สบู่เหลวที่มีค่า pH เป็นกลาง โดยจะอยู่ที่ 5.5-6.0 และมีส่วนผสมของยูเรีย และแลคเตรท ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ป้องกันผิวแห้งมากหลังอาบน้ำ ขัดวน ๆ ทั่วร่างกายประมาณ 3-5 นาที แล้วจึงล้างออกให้สะอาด เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ผิวเรามีความชุ่มชื้น ไม่แห้งแตกหลังจากอาบน้ำอีกแล้ว และควรทาครีมทาผิวโดยทันที

2.เกลือทะเล

สูตรนี้จะใช้ เกลือทะเลแบบละเอียด ผสมเข้ากับ เบบี้ออย ครีมทาผิว วิตามินอีแบบแคปซูล(3-4 แคปซูล) นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสม คนให้เข้ากันโดยวิตามินนั้นใช้เพียงน้ำที่อยู่ในแคปซูลเท่านั้น และใส่เบบี้ออยเป็นส่วนสุดท้ายสามารถใช้ปริมาณมากน้อยได้ตามต้องการ เมื่อได้เนื้อครีมที่ผสมกันเรียบร้อยแล้ว สามารถนำไปขัดผิวได้เลย หรือสามารถใช้แทนสบู่เลยก็ได้โดยชโลมน้ำสักครู่ตามด้วยสูตรขัดผิวสูตรนี้แล้วค่อย ๆ ขัดวน ๆ ไปทั่วเรือนร่างได้นานตามความต้องการ ค่อยล้างจนสะอาดหลังขัด หรืออาบเสร็จผิวจะเนียนนุ่มมาก ๆ และขาวกระจ่างใสขึ้น ทั้งยังไม่ทำให้ผิวแห้งกร้าน แตกลายอีกด้วยซึ่งสูตรนี้ สามารถทำได้ทุกวัน

เมื่ออยากขัดผิวในหน้าหนาว แต่กลัวผิวแห้งกร้าน แตกลาย วิธีขัดผิวที่เรานำมาฝากนี้เป็นสูตรเฉพาะสำหรับหน้าหนาวโดยเฉพาะ แต่ไม่ว่าจะหน้าไหน ๆ ก็สามารถใช้ได้ ทั้งยังสามารถใช้ได้ทุกวันอีกด้วย แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ หรือโจโจ้บาออยเป็นส่วนผสมไปด้วย เพื่อคงความชุ่มชื่น และล็อคไว้ไม่ให้ผิวแห้งกร้านแตกลายได้ยาวนาน

Posted on Leave a comment

สูตรขัดผิวสำหรับคนผิวสองสี

     ลองนำเคล็ดลับขัดผิวขาวตามโซเชียลต่าง ๆ แต่ก็ไม่ได้ผลสักที อย่าพึ่งหมดหวังไปสำหรับใครที่ลองมานักต่อนักแล้วก็ยังเหมือนเดิม เพราะเป็นธรรมดาของผิวสองสีที่จะไม่คล้ำ และก็ไม่ขาวจนเกินไป แต่ก็ใช่ว่าจะขาวไม่ได้ หลายคนลงทุนไปฉีดวิตามินผิว กลูต้าไธโอนต่าง ๆ มากมายซึ่งปัจจุบันมีนวัตรกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ แต่สำหรับผิวสองสีนี้เรามีสูตรเด็ด ๆ มาฝากไม่ว่าจะคล้ำแค่ไหนก็ขาวกระจ่างใสขึ้นได้ ถ้าหากลองแล้วไม่ว่าไปเจอใครที่ไหนต่างต้องทักถึงความเปลี่ยนแปลงเป็นเสียงเดียวกันอย่างแน่นอน

1.มะขามเปียก

มะขามเปียกอีกแล้วหรือ ? สำหรับสูตรนี้ใช้มะขามเปียกอยู่ก็จริง แต่เป็นสูตรเข้มข้นและได้ผลมากกว่าสูตรมะขามเดิมอีกด้วย โดยจะใช้มะขามเปียกแคะเมล็ดออก ผสมกับ ขมิ้นชัน น้ำมะนาว และน้ำผึ้ง นำส่วนผสมทั้งหมดรวมกันเน้นปริมาณชนิดไหนมากกว่าก็สามารถดัดแปลงได้ตามต้องการ แล้วเติมนมสดลงไปเล็กน้อยจะได้เนื้อครีมเข้มข้น ที่อุดมไปด้วย AHA สารที่สามารถเร่งผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไปอย่างรวดเร็วจากมะขามเปียกและน้ำมะนาว นำใยบวบมาชุบแล้วขัดวนเป็นวงกลมทั่วเรือนร่างนาน 5 นาที จากนั้นพอกไว้อีกประมาณ 20-30 นา ทีแล้วขัดวนซ้ำอีกครั้งด้วยใยบวบ จึงค่อยล้างออกให้สะอาด แล้วตามด้วยครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่งทันที สูตรนี้ควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง รับรองได้ว่าผิวจะเริ่มกระจ่างใสจากมะขามเปียกและน้ำมะนาว เนียนนุ่มขึ้นจากขมิ้นชัน น้ำผึง และนมสด อย่างเห็นได้ชัดใน 1 เดือน

2.เกลือทะเล

เกลือทะเลสูตรเฉพาะของสูตรนี้จะต้องเป็นเกลือทะเล ที่ผสมกับ น้ำมันมะกอก และนมสด โดยรวมส่วนผสมทั้งหมด คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันจนได้เนื้อครีมสครับเหลวๆ เพิ่มเกลือทะเลละเอียดลงไปอีกพอประมาณ ก็จะได้เนื้อครีมสครับหยาบ ๆ เข้มข้น แล้วนำมาโปะบนผิวทั่วเรือนร่างและใช้ฝ่ามือถูวนๆทั่วเรือนร่าง โดยถูอย่างเบามือเพราะเม็ดเกลืออาจบาดผิวได้ ถูวนไปประมาณ 5-10 นาทีแล้วพอกทิ้งไว้อีก 15-20 นาที จึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะได้ผิวที่เนียนนุ่มน่าสัมผัส ทั้งขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ตามด้วยทาครีมที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่งทันที สูตรนี้ควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

สูตรเด็ด ๆ ที่เรานำมาฝากกันนี้ เมื่อทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง และหมั่นทาครีมบำรุงผิวควบคู่ไปด้วย คอนเฟิร์มได้เลยว่าไม่เกิน 1 เดือนผิวจะขาว กระจ่างใส และเนียนนุ่ม น่าสัมผัสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน

Posted on Leave a comment

รูขุมขนกว้างไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

ปัญหารูขุมขนกว้างส่วนใหญ่มักเป็นปัญหาที่เกิดมาจากพันธุกรรม โดยรูขุมขนใหญ่มักจะพบได้ในบริเวณ T-zone และเกิดขึ้นบ่อยสุดในคนผิวมัน  แต่ก็ใช่ว่าปัญหารูขุมขนกว้างกวนในนี้จะไม่มีทางแก้ เราได้นำเอาวิธีแก้ไขปัญหารูขุมขนกว้างเหล่านี้มาฝากกันอีกแล้ว เพียงทำตามรับรองว่ารูขุมขนกว้างจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

อาด

การรักษาความสะอาดผิวหน้าเป็นวิธีพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเหนื่อย ง่วงนอนแค่ไหน ก็ห้ามนอนทั้ง ๆ ที่ยังมีเครื่องสำอางที่อยู่บนหน้า และควรล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งก่อนเข้านอน ซึ่งจะเป็นการช่วยกำจัดความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่เข้าไปอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้รูขุมขนกว้างได้

2.ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

การล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็นวันละ 2 ครั้ง การล้างหน้าจะเป็นการช่วยล้างคราบสกปรกที่อุดตันรูขุมขนอยู่ให้ออกไป ซึ่งน้ำเย็นจะช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงเหมือนเดิมได้ และการล้างที่เหมาะสมควรล้างวันละ 2 ครั้ง คือช่วงตอนเช้าหลังตื่นนอน และตอนกลางคืนในช่วงหลังเข้านอน

3.เลือกรับประทานอาหาร

เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่ง รูขุมขนกว้างที่เกิดจากการอุดตันของไขมัน ส่วนหนึ่งมาจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีไขมัน และคอเลสเตอรอลสูง เช่น อาหารทะเอล อาหารทอดทั้งหลาย ควรรับประทานในปริมาณที่น้อยแล้วหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์จำพวก ผักผลไม้สด เนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมันแทน

4.ครีมกระชับรูขุมขน หรือ เซรั่มกระชับรูขุมขน

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์กระชับรูขุมขนจำพวกครีมหรือเซรั่มที่สามารถช่วยกระชับรูขุมขนได้ แต่จะต้องศึกษาให้ดีว่าผิวหน้าของเราเหมาะกับการใช้ครีมตัวไหน ซึ่งบางสูตรจะช่วยเคลือบผิวให้ดูเรียบเนียน บางสูตรจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นฟื้นฟูผิวหนังด้านบนให้ดูเอิบอิ่ม หรือบางสูตรจะมีสารที่ช่วยละลายสิ่งอุดตันที่มีอยู่ในรูขุมขน เมื่อรูขุมขนสะอาดจึงทำให้รูขุมขนดูเล็กลง โดยใช้ทุก ๆ ครั้งหลังการล้างหน้า ซึ่งจะเป็นเวลาที่รูขุมขนเปิดและผิวหนังจะซึมซับครีมบำรุงได้ดี

5.สครับผิว

การสครับผิวถือเป็นการทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกวิธีหนึ่ง ที่ขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีหลายสูตรให้เราเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของผิวหน้า และควรสครับเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

เมื่อรู้เคล็ดลับดี ๆ เหล่านี้แล้วสามารถนำไปทำตามกันได้เลยค่ะรับรองว่ารูขุมขนที่กว้างจะกระชับ เล็กลงจนใคร ๆ ก็ทักอย่างแน่นอน

Posted on Leave a comment

รูขุมขนกว้างจัดการได้ง่ายๆ

เมื่อกล่าวถึงเรื่องรูขุมขน ก็เป็นอันเข้าใจตรงกันว่ายิ่งเล็กยิ่งดี เพราะจะทำให้ผิวดูกระชับ อ่อนเยาว์ อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายคนที่คิดว่าการมีรูขุมขนเล็กนั้นไม่สามารถเป็นไปได้ ความเป็นจริงก็คือ พวกเขาต่างมีรูขุมขนใหญ่ มีบางสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนกว้าง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนกว้างนั้นก็มีมากมาย หลายประการ ที่ทำให้รูขุมขนกว้าง นอกจากนี้ก็มีวิธีแสนง่าย ที่จะทำให้รูขุมขนกลับมากระชับได้ดังเดิม

ก่อนอื่นเราต้องมารู้จักกับ สาเหตุที่ทำให้เกิดรูขุมขนกว้างกันก่อน ก็จะมีอยู่ด้วยกัน 3 อย่างหลักๆ การสัมผัส และการบีบสิว ซึ่งการกระทำเหล่านี้ เป็นการทำให้ผิวหนัง เกิดแผลลึก การใช้เครื่องมือกำจัดสิวหัวขาว หรือการบีบสิวตุ่มหนอง เหล่านี้ จะทำให้รูขุมขนกว้างและเป็นรอยหลุมลึก จากสิวได้ ล้างหน้าไม่สะอาด การล้างหน้าไม่สะอาดนั้น ย่อมทำให้น้ำมัน หรือเครื่องสำอางต่าง ๆ ยังคงตกค้างอยู่บนใบหน้า จนทำให้รูขมขนนั้น สะสมน้ำมันมากเกินไปจนทำให้รูขุมขนเปิดกว้าง การที่ผิวผลิตน้ำมันมากเกินไป เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดรูขุมขนกว้าง เพราะว่าถ้าต่อมใต้ผิวผลิตน้ำมันมากเกินไป ก็จะเกิดการขยายของรูขุมขนกว้างที่ไม่มีวันรักษาหาย เมื่อรู้สาเหตุของการทำให้รูขุมขนกว้างแล้ว ต่อมาก็จะเป็นวิธีรักษารูขุมขนกว้าง ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ

  1. กระชับรูขุมขนด้วยน้ำแข็ง และมะนาว
    ให้ทำความสะอาดผิวหน้าและตามด้วยการนำน้ำเย็นๆ ราดบนใบหน้าหรือใช้น้ำแข็งห่อผ้านุ่มๆ แล้วถูให้ทั่วใบหน้า ความเย็นจากน้ำแข็งจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าหดตัว และก็จะทำรูขุมขนกระชับ จากนั้นใช้ผ้าสะอาดซับหน้าให้แห้งและสุดท้ายให้นำมะนาวทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
  2. กระชับรูขุมขนด้วยผักกาดขาวและมะนาว
    นำผักกาดขาว 2-3 ใบ ไปบดให้ละเอียด จากนั้นให้นำน้ำมะนาวที่คั้นไว้แล้วไปผสมกับผักกาดขาวที่บดเอาไว้แล้วประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำไปทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20-25 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
  3. กระชับรูขุมขนด้วยไข่ขาว
    นำไข่ขาวมา 1 ฟอง นำมาผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมาทาให้ทั่วไปหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นและล้างอีกทีด้วยน้ำเย็น ส่วนคนที่มีผิวแห้งให้ใช้เฉพาะไข่ขาวให้งดการใช้น้ำมะนาว

ปัญหารูขุมขนกว้างนี้โดยรวมแล้ว สามารถแก้ไขได้ด้วยการล้างหน้าที่ถูกวิธี การรับประทานผัก ผลไม้และสมุนไพรนอกจากรับประทานแล้ว ผัก ผลไม้ หรืออาหารบางอย่าง ก็สามารถช่วยให้รูขุมขนที่กว้างนั้นกลับมากระชับและเล็กลงได้    และต้องเริ่มด้วยการล้างหน้าและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเป็นประจำทุกวันเพื่อกระชับรูขุมขน

Posted on Leave a comment

รักษาฝ้าด้วยวิธีง่ายๆ

ในชีวิตประจำวันของเราเลี่ยงไม่ได้ที่จะออกเผชิญกับแสงแดดที่เป็นสาเหตุของฝ้า กระ ไม่ว่าจะออกไปทำงาน ไปเรียน หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องเจอกับแสงแดด ทำให้หลายคนเลือกที่จะเข้าไปรักษาที่คลินิกสำหรับความงามเพื่อความรวดเร็ว ทันใจ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง แต่สำหรับใครที่งบน้อยเรามีวิธีง่าย ๆ มาฝากเพื่อขจัดปัญหาฝ้า กระที่นับวันยิ่งแก้ยากนี้ให้หมดไป

1.ทาครีมที่มีสารกันแดดเป็นประจำ

ต้นตอของฝ้า กระ นั้นล้วนมาจากแสงแดดที่มีรังสี UV ที่ทำร้ายผิวของเราโดยเฉพาะผิวหน้าที่มีความบอบบางมากกว่าส่วนอื่น ๆ ซึ่งไวต่อแดดทำให้เกิดฝ้า กระได้ง่าย ๆ และควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไป และก่อนออกไปเจอแสงแดดควรทาทิ้งไว้อย่างน้อย 20-30 นาทีก่อนออกไปเพื่อให้ครีมและสารกันแดดนี้ได้ซึมซับเป็นเกราะป้องกันผิวหนังเราจากรังสี UV อย่างมีประสิทธิภาพ

2.พอกหน้าด้วยสมุนไพรธรรมชาติ

หลายคนยังไม่รู้ว่าสมุนไพรไทยเรานี้มีสรรพคุณสามารถลดรอยฝ้า กระ ได้ดีเลยทีเดียวเป็นเคล็ดลับจากธรรมชาติ โดยเฉาะ ว่านหางจระเข้ที่ไม่เพียงแต่บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนผิวพลุพลองยังช่วยลดรอยฝ้ากระอีกด้วย ใบบัวบก หัวไชเท้า สมุนไพรเหล่านี้ช่วยลดรอยฝ้า กระให้จางลงอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวของเรากลับมาขาวใสเปล่งปลั่งอีกครั้ง

3.ดูแลจากภายใน

การดูแลจากภายในเป็นวิธีที่ง่ายมาก ๆ เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นพวกผักผลไม้ที่มีวิตามินซี วิตามินอี และวิตามินเอ ที่เป็นตัวช่วยให้ผิวของเราแข็งแรง ไม่ไวต่อแดดยากต่อการโดนทำร้าย ส่งผลให้ฝ้า กระลดเลือนลงได้ ถ้าหากไม่ดูแลจากภายในควบคู่ไปด้วยไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีไหน ๆ ก็ยังเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นฝ้า กระเช่นเดิมอีก

4.สครับด้วยมะขามขมิ้นชัน

สครับผิวด้วยมะขามและขมิ้นชันนั้นในมะขามจะมีกรดผลไม้หรือที่รู้จักกันว่าชื่อ AHA ที่มีคุณสมบัติเร่งผลัดเซลล์ผิวเก่าของเราให้หลุดออกไปเผยผิวใหม่ขึ้น และขมิ้นชันมีสรรพคุณทำให้ผิวหน้าสว่าง กระจ่างใสขึ้น ควรทำเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งรอยฝ้า กระ หมองคล้ำจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และหลังสครับไม่ควรออกไปเจอแสงแดดโดยทันทีเพราะ AHA เร่งผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไปเซลล์ผิวใหม่จะบอบบาง และไวต่อแดด อาจทำให้เกิดฝ้า กระขึ้นมาเหมือนเดิม

เป็นวิธีที่ง่ายมาก ๆ และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีทีเดียว และต้องมีวินัยหมั่นทำเป็นประจำรับรองได้ว่าฝ้า กระที่นับวันยิ่งแก้ยากเหล่านี้จะค่อย ๆ จางลงและกลับมาขาวใสเหมือนเดิมได้อย่างแน่นอน

 

Posted on Leave a comment

รักษาฝ้าด้วยเทคนิคพิเศษ

พูดถึงฝ้าหลายคงคงถึงกับหวาดกลัวเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะทำให้ใบหน้าดูไม่สวยงามทั้งรอยแดง รอยจุด อีกทั้งยังทำให้การเผยผิวใสโดยธรรมชาติเป็นไปได้ยากต้องคอยปกปิดด้วยการแต่งหน้าตลอดเวลา และนั่นยิ่งทำให้ปัญหาเหล่านี้แย่ยิ่งกว่าเดิม แต่ไม่ต้องจิตตกกับปัญหาเหล่านี้อีกต่อไปเพราวันนี้เรานำเอาเทคนิคต่าง ๆ ที่ช่วยรักษาฝ้าให้หายไปจากเราหลากหลายเทคนิคเลือกใช้ได้ตามความต้องการได้เลย

1.การทำเลเซอร์

การทำเลเซอร์ คือการรักษาผิวหน้าจากฝ้าที่จะช่วยรักษา ฝ้า กระ และจุดด่างดำต่าง ๆ ให้หายขาดได้ ถือเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่คนปัจจุบันนิยมทำกันอย่างแพร่หลาย  เพราะนอกจากจะรวดเร็วใช้เวลาไม่นานก็ขจัดปัญหากวนใจจากฝ้าได้แล้ว ยังจะรักษาฝ้าได้ผลดีอีกด้วย แต่ค่ารักษามีราคาค่อนข้างแพง หลังทำเลเซอร์เสร็จก็จะต้องดูแลผิวเป็นพิเศษ รอยฝ้าจะไม่สามารถหายขาดได้แต่ช่วยให้จางลงได้ และการทำเลเซอร์จะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นเช่นเกิดเป็นรอยดำ

2.การฉีดยารักษาฝ้า

การฉีดยารักษาฝ้า เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยรักษาฝ้าได้อย่างรวดเร็วอีกทางหนึ่ง ซึ่งการรักษาแบบนี้จะเป็นการฉีดตัวยาเข้าไปยังชั้นใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็นฝ้าโดยตรง และตัวยาจะเข้าไปฟื้นฟูผิวจากภายในและยับยั้งการทำงานของเม็ดสีผิวที่ผิดปกติ ทำให้ฝ้าจางลง  และถ้าหากได้รับการทรีตเมนต์ร่วมด้วยก็จะทำให้การรักษาฝ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนับเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลดีเลยทีเดียว

3.การทำทรีตเมนต์

ทรีตเมนต์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดเลือนกระอีกวิธีหนึ่ง โดยทรีตเมนต์ที่เหมาะกับคนเป็นฝ้า คือ ทรีตเมนต์ผลักสารอาหาร วิตามิน ไวเทนนิง คอลลาเจน พาเซนตรา และสารบำรุงอื่นๆ ให้เข้าบำรุงเซลล์ผิวโดยไม่ต้องใช้เข็ม ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่สามารถนำพาสารอาหาร หรือยาซึมผ่านไปได้อย่างล้ำลึก ด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ และแสง LED ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ให้มีการสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น รอยดำจากฝ้าจึงจางลงได้ ช่วยให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ขึ้น รอยฝ้าจางลงได้ผลอย่างทันใจ

4.รักษาด้วยวิธีธรรมชาติ

เป็นอีกวีที่ได้ผลดีไม่แพ้กัน และควรจะบำรุงรักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง โดยวิธีธรรมชาตินี้ก็คือ การขัดหน้าด้วยมะขามเปียกนั่นเอง โดย เพียงแค่นำมะขามเปียกมาละลายน้ำ พอให้ข้น  จากนั้นนำมาขัดหน้า โดยค่อย ๆ ขัดอย่างเบามือ เสร็จแล้วพอกหน้าทิ้งไว้อีกประมาณ 2-3 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด สูตรนี้ทำบ่อย ๆ จะช่วยผลัดเซลล์ผิว และสามารถทำให้รอยฝ้าจางลงและหน้าขาวเนียนใสขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

หลากหลายเทคนิคที่นำมาฝากหลายคนที่หมดหวังกับการรักษาฝ้าที่นับวันยิ่งแก้ยากนี้ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งรับประกันได้ว่าฝ้าลดลงอย่างแน่นอน

Posted on Leave a comment

ใบหน้าขาวใสไม่ใช่เรื่องยาก

เคล็ดลับผิวขาวใสเปล่งออร่าฉบับเร่งด่วนที่ไม่ควรพลาดเพราะเรานำเคล็ดลับแบบธรรมชาติไม่ต้องเสียเงินมาฝากมาฝากกัน ผิวหน้าเราเป็นสิ่งสำคัญเมื่อผิวเราเกิดหมองคล้ำไม่ขาวใสก็จะทำให้เราเกิดความไม่มั่นใจที่จะออกไปพบปะผู้คนซึ่งหลายคนแก้ไขปัญหาโดยการฉีดวิตามินผิวฉีดกลูต้าไธโอนซึ่งทำให้ขาวในทันทีแต่สำหรับคนงบน้อยและกลัวอันตรายเรามีเคล็ดลับจากธรรมชาติมาฝากกันรับรองว่าขาวไม่แพ้ฉีดและขาวโดยเร่งด่วนด้วย

1.ขัดผิวด้วยขมิ้นชัน

นำขมิ้นชันสดที่ตำละเอียดหรือผงขมิ้นชันผสมกับมะขามเปียกหรือดินสอพลองและนมสดเล็กน้อย คนให้เข้ากันพอให้เนื้อเหนียวจากนั้นนำมาขัดผิวทั้งใบหน้าและลำตัวประมาณ5นาทีแล้วปล่อยทิ้งไว้ 20-30 นาทีแล้วล้างน้ำออกให้สะอาด สูตรนี้ทำสัปดาห์ละ2ครั้งผิวจะค่อยๆขาวกระจ่างใสขึ้นและนุ่มนวลชวนสัมผัสเมื่อทำเป็นประจำไม่เกิน1เดือนได้ผลอย่างแน่นอน

2.ขัดผิวด้วยมะขามเปียก

นำมะขามเปียกที่แคะเมล็ดออกแล้วผสมกับน้ำอุ่นขยำให้เข้ากันจนได้เนื้อเหลวข้นอาจจะผสมนมสดลงไปด้วยหรือไม่ก็ได้แล้วนำมาขัดวนๆเป็นวงกลมให้ทั่วทั้งตัวแล้วพอกทิ้งไว้อีกประมาณ30นาทีแล้วใช้ใยบวบขัดซ้ำและล้างออกให้สะอาดจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออกไปเผยผิวที่ขาวกระจ่างใสขึ้นมาควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ1-2ครั้งจะเห็นผลอย่างรวดเร็ว

3.สครับผิวด้วยน้ำตาลทรายแดง

นำน้ำตาลทรายแดงผสมกับน้ำมะนาวและนมสดเล็กน้อยพอให้น้ำตาลละลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นสครับโดยนำมาขัดวนๆให้ทั่วตัวและทิ้งไว้ประมาณ15-20นาทีแล้วล้างน้ำออกให้สะอาด ทำเป็นประจำสับดาห์ละ 2-3ครั้งจะเห็นว่าผิวขาวขึ้นจนสังเกตได้ชัด ทั้งยังได้ผิวเนียนนุ่มเป็นของแถม

4.สครับผิวด้วยเกลือทะเล

ตำเกลือทะเลให้ละเอียดนำไปผสมผงขมิ้นและนมสดเล็กน้อยคนให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วนำมาขัดผิววนเป็นวงกลมให้ทั่วตัวอย่างเบามือประมาณ5นาทีและพอกทิ้งไว้อีกประมาณ20-30นาทีล้างออกให้สะอาดเช็ดผิวให้แห้งและทาโลชันตามทันทีทำสัปดาห์ละ1-2ครั้งเกลือทะเลจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเผยผิวขาวกระจ่างใสขึ้นมา

จากเคล็ดลับที่นำมาฝากนั้นทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องรับรองว่าไม่เกิน1เดือนผิวขาวกระจ่างใสเนียนนุ่มขึ้นอย่างแน่นอนและต้องหมั่นทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารกันแดด

Posted on Leave a comment

ทำอย่างไรให้มีใบหน้าขาวใส

เชื่อว่าหลาย ๆ คนกำลังประสบปัญหาผิวหน้าอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็น ผิวไหม้แดด ผิวหน้าหมองคล้ำ สิวเกรอะ และอีกมากมายที่หลายคนอยากกำจัดออกไปให้สิ้นซาก เพราะใบหน้าเป็นสิ่งที่เห็นเป็นด่านแรกที่เมื่อพบปะผู้คนมากมาย แต่ไม่ต้องจมอยู่กับปัญหานี้อีกแล้ววันนี้เราจะนำเคล็ดลับดี ๆ มาฝากในการกำจัดปัญหากวนใจเหล่าซ้ำซากนี้ออกไปให้หมดไปโดยไม่ต้องเสียเงิน

1.ไข่ขาว

ไข่ขาว คือพระเอกในการกำจัดสิวเสี้ยนและสิวหัวดำเลยทีเดียว โดยเริ่มจากการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อเปิดรูขุมขน จากนั้นนำสำลีชุบไข่ขาวแล้ววางให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที หรือจนรู้สึกตึงที่ใบหน้า แล้วลอกแผ่นสำลีออกเบา ๆ สิวเสี้ยนจะหลุดติดสำลีออกมา ด้วยล้างหน้าตามด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน เพียงทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะได้ผิวหน้าที่ใสกริ๊ง ไม่มีสิวเสี้ยนหรือหัวดำมากวนใจอีก อีกทั้งรูขุมขนยังกระชับด้วย

2.โยเกิร์ต

โดยเกิร์ตนั้นสามารถช่วยรักษาผิวไหม้จากแดดได้ดีทีเดียวแต่โยเกิร์ตที่ใช้ต้องเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติเท่านั้น เพราะในโดยเกิร์ตอุดมไปด้วยซิงค์(Zinc) ที่จะช่วยปลอบประโลมผิวที่ไหม้ และแสบให้หายเป็นปลิดทิ้งโดยการนำโยเกิร์ตผสมกับเกลือ หรือคาโมมายพอกทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วล้างออกจะรู้สึกได้ถึงผิวหน้าที่นุ่มชุ่มชื้นไม่ปวดแสบปวดร้อนอีกต่อไป ทั้งยังช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสไร้สิวเสี้ยนอีกด้วย

3.ดื่มน้ำสะอาด

ปกติร่างกายของคนเราต้องการน้ำที่เพียงพอคือวันละ 1.5-2 ลิตร/วัน แต่เราควรดื่มให้มากกว่า 2 ลิตรต่อวัน แต่ไม่มากจนเกินไปเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิวโดยการดื่มน้ำมากๆจะช่วยให้ผิวของเรานุ่มชุ่มชื้น สุขภาพผิวดี ดูมีน้ำมีนวลตลอดเวลาไม่แห้งกร้านไม่ลอก และหมองคล้ำเหมือนผิวที่ขาดน้ำ

4.ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ AHA และวิตามินซีแอนด์อี

เมื่อฟื้นฟูผิวแล้วขั้นตอนต่อไปก็คือการบำรุงผิวหน้าด้วยครีมบำรุงผิวนั่นเอง ซึ่งครีมที่เหมาะสมควรจะมีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว มีส่วนผสมของ AHA จากธรรมชาติที่จะช่วยให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส รวมถึงวิตามินซีแอนด์อีที่จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และเสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส และไม่มีริ้วรอยก่อนวัย

    นอกจากเคล็ดลับข้างต้นแล้วอย่าลืมที่จะทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารกันแดด หรือครีมกันแดดเมื่อออกไปข้างนอกพบปะกับมลพิษ ล้างหน้าให้สะอาด เพื่อป้องกันผิวเราจากปัญหาเหล่านี้ไม่ให้กลับมากวนใจอีก

Posted on Leave a comment

ทำอย่างไรเมื่อรูขุมขนกว้าง

หนึ่งในปัญหาผิวหน้าไม่แพ้ปัญหาผิวหมองคล้ำเลย ที่ทุกคนไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับตนเอง เพราะว่าเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ทำให้ขาดความมั่นใจในการเผยผิวหน้าสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติให้ใครๆ ได้เห็นซึ่งสาเหตุของรูขุมขนกว้างที่เกิดขึ้นกับผิวหน้านั้น ก็มาจากการทำงานที่ผิดปกติของชั้นใต้ผิวหนัง เนื่องมาจากสาเหตุหลายประการ เช่น การใช้เครื่องสำอางที่มีสารปรอท การให้ผิวหน้าสัมผัสกับมลภาวะต่าง ๆ มากเกินไป เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว เรามีทางออกเพื่อที่จะช่วยกระชับรูขุมขนกว้าง ให้เล็กลงได้โดยไม่ใช่เรื่องยากเลย

1.พักผ่อนให้เป็นเวลา

ไม่อยากเชื่อเลยใช่ไหมว่าเพียงแค่การพักผ่อนให้เป็นเวลานี้จะช่วยกระชับรูขุมขนที่กว้างให้เล็กลงได้อย่างไรเพราะสุขภาพของผิวหน้าเรานั้นจะแข็งแรงได้ก็ต่อเมื่อได้รับการฟื้นฟูจากภายใน ในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00-05.00 น. สามารถป้องกันไม่ให้รูขุมขนของเรากว้างเนื่องจากผิวหน้าได้รับการพักผ่อนฟื้นฟูโครงสร้างในช่วงที่เรานอนหลับเวลากลางคืน

2.เลียงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง

การรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง หรือไขมันมากๆ ทำให้ชั้นใต้ผิวหนังของเราผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ทำให้ผิวต้องระบายน้ำมันออกมา ส่งผลให้รูขุมขนขยายออกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อระบายน้ำมันเป็นสาเหตุหลักเลยที่ทำให้รูขุมขนของเรากว้าง

3.ล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด

เมื่อเกิดปัญหาผิวหน้าทุกคนต่างก็ต้องแต่งหน้าเพื่อปกปิดปัญหาเหล่านั้นเอาว้ก่อนที่จะออกไปพบเจอผู้คนภายนอก แต่เมื่อเราทำความสะอาดได้ไม่หมดเครื่องสำอางที่ใช้ไปสะสมบนผิวหน้าอุดตันรูขุมขนของเราเรื่อย ๆ ก็ทำให้รูขุมขนของเราขยายใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิมดังนั้นหลังการแต่งหน้าควรใช้โทนเนอร์สำหรับเช็ดเครื่องสำอางโดยเฉพาะ และล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนขัดนวดเบา ๆ ที่ผิวหน้าเพียงเท่านี้ก็ช่วยแก้ปัญหารูขุมขนกว่างให้เล็กลงได้

4.ลดการล้างหน้าบ่อย

การล้างหน้าบ่อย ๆ ทำให้ผิวหน้าเราสะอาดหมดจดก็จริงอยู่แต่รู้ไหมว่าการล้างหน้าบ่อย ๆ นี้ยิ่งล้างบ่อยเท่าไหร่ก็จะทำให้ผิวหน้าเราแห้งมากเท่านั้น เมื่อผิวหน้าแห้งตึงผิวหนังคนเราก็จะผลิตน้ำมันออกมาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นแก่ผิวเราให้ไม่แห้งตึง และจะยิ่งทำให้รูขุมขนขยายมากขึ้น ซึ่งในหนึ่งวันควรล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งคือ เช้า และเย็น

   เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับทางออกที่เรานำมาฝากกัน เป็นวิธีดี ๆ ที่เริ่มจากตัวเราโดยไม่ต้องพึ่งนวัตรกรรมอื่น ๆ หรือสารเคมี ที่อาจตกค้างที่ผิวเราและไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย สำหรับใครที่มัปัญหารูขุมขนกว้างนี้สามารถนำไปทำตามและรับรองว่าเห็นผลแน่นอนค่ะ

Posted on Leave a comment

ใครๆก็มีรักแร้ขาวได้

ผิวหนังใต้วงแขนถือเป็นสิ่งสำคัญต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ถ้าหากปล่อยปละละเลยปัญหารักแร้ดำก็จะเล่นงานได้ทันที เมื่อรักแร้ดำก็ทำให้ความมั่นใจลดลงไปจนไม่กล้าใส่เสื้อตัวผ้าที่เปิดนิดโชว์หน่อย เนื่องมากจาอับอายผิวหนังใต้วงแขนที่ดำคล้ำนั่นเอง ถึงฉะนั้นก็ตาม ใครที่มีรักแร้ดำอย่าพึ่งน้อยอกน้อยใจไป เพราะวันนี้เรามีวิธีทำให้รักแร้ขาวขึ้นมาให้ได้ลองนำไปใช้กัน ซึ่งรับรองว่าผลลัพธ์ออกมาในแบบน่าพึงพอใจ รักแร้ขาวจนใครเห็นเป็นต้องเหลียวมอง

1.หยุดโกนขนรักแร้

หยุดโกนขนรักแร้ หรือถอนขนรักแร้ เพราะเป็นสาเหตุต้น ๆ ของรักแร้ดำ จากการโกนขนที่เอาชั้นผิวของเราออกไปด้วยทำให้รู้สึกแสบ ระคายเคือง รักแร้ของเราอักเสบขึ้น และมีสีดำคล้ำ การถอนก็เช่นกันทำให้รักแร้ของเราไม่เรียบเนียนเป็นตุ่ม ๆ เสมือนกับหนังไก่ หรืออาจเกิดการอักเสบที่บริเวณโคนขนที่เราถอนออกไปทั้งยังทำให้ผิวบริเวณรักแร้ของเราเหี่ยวย่น ให้ใช้การแว็กซ์ หรือเลเซอร์ขนรักแร้แทน จะได้รักแร้ที่เนียนนุ่ม กระจ่างใสขึ้นได้ผลดีกว่าการโกน และการถอนอย่างแน่นอน

2.สารส้ม

เป็นเคล็ดลับมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยรุ่น ปู่ย่าตาทวด นอกจากจะใช้เพื่อระงับกลิ่นกายแล้วยังสามารถทำให้รักแร้ของเราขาวกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย โดยนำสารส้มมาถูวน ๆ ประมาณ 5 รอบ ที่บริเวณรักแร้หลังอาบน้ำเสร็จเป็นประจำทุก ๆ วัน และควรถูอย่างเบามือ

2.ทาครีมรักแร้ขาว หรือไวท์เทนนิ่งสำหรับใต้วงแขน

เลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่ง และสารที่อ่อนโยนต่อผิว เพื่อฟื้นฟูบำรุงผิวใต้วงแขนให้ขาวกระจ่างใส และเนียนนุ่มขึ้น โดยใช้ทาก่อนนอนทุกวัน จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงเมื่อผ่านไปประมาณ 1-2 เดือน ควรเลือกยี่ห้อ หรือแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีการรับรองจาก อย.เท่านั้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าครีมที่ใช้นั้นไม่มีส่วนผสมของสารที่เป็นอันตรายกับผิวที่บอบบาง

3.ยิงเลเซอร์

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดี แต่ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูง และมีความเสี่ยงสูง ผลข้างเคียงจากการเลเซอร์สูงเพราะอาจทำให้เกิดบาดแผลที่ผิวหนังใต้วงแขนได้ แต่ขณะนี้กำลังพัฒนาเครื่องมือ และเทคนิคที่ทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ดังนั้นวิธีนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรงก่อน

    รักแร้ขาว เนียนนุ่ม กระจ่างใส จนใคร ๆ เป็นต้องเหลียวมอง ไม่ว่าใครก็อยากสัมผัสกับความรู้สึกนี้ เพราะไม่ใช่เพียงแต่ใส่ชุดอะไรก็ได้ แต่ยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจในบุคลิกเราอีกด้วย ไปเริ่มทำตามกันได้เลยค่ะ รับรองว่าได้ผิวใต้วงแขนที่ขาวกระจ่างใส เรียบเนียนอย่างแน่นอน

 

Posted on Leave a comment

เคล็ดลับรักแร้ขาว

      ลองมาหลายวิธีก็แล้วรักแร้ก็ยังดำคล้ำ ไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม หลายคนคงเบื่อที่จะหาทางแก้กับปัญหานี้ที่แก้ไม่หายสักทีแต่รู้ไหมว่าพฤติกรรมที่เราทำเป็นประจำนี่แหละที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนรักแร้ก็ไม่ขาวขึ้นสักที เราได้นำเอาเคล็ดลับมาฝากเพราะเราต้องเริ่มจากการป้องกันฟื้นฟู แล้วจึงตามด้วยการบำรุงนั่นเองเป็นเคล็ดลับง่าย ๆ เลยที่รับรองว่าทำตามแล้วไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

1.เช็ดถูรักแร้อย่างเบามือ

เป็นเคล็ดลับง่าย ๆ เลย เพราะพฤติกรรมการเช็ดถูรักแร้ของเราแรงๆที่ทำกันเป็นประจำนี่แหละที่เป็นสาเหตุทำให้รักแร้ของเราที่บอบบางไม้แพ้กับผิวหน้าระคายเคืองและดำคล้ำจากการเสียดสีที่รุนแรงได้ ให้เปลี่ยนมาเป็นการซับ หรือเช็ดถูเบาๆแทนเพื่อป้องกันการเกิดรอยดำคล้ำ

2.หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมกลิ่นกายที่มีส่วนผสมของน้ำหอม

เป็นสาเหตุหลักเลยที่ทำให้รักแร้ของหลายคนดำคล้ำขึ้นจากผลิตภัณฑ์ระงับกิ่นกายเช่นนี้ เพราะมีส่วนผสมของน้ำหอมซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ สารดับกลิ่น และสารลดปริมาณเหงื่อต่าง ๆ มากมายซึ่งผิวเรามีโอกาสแพ้สูงโดยเฉพาะผิวใต้วงแขนที่บอบบาง ทำให้ผิวเราระคายเคืองและดำคล้ำเมื่อใช้เป็นเวลานาน แต่ถ้ามีกลิ่นเต่าจะหยุดใช้ก็ไม่ได้ เราแนะนำเคล็ดลับดี ๆ ให้ก็คือ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ระงะบกลิ่นกายที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และแอลกอฮอล์ ซึ่งมีให้เราเลือกใช้มากมายเป็นการป้องกันรักแร้ไม่ให้ดำคล้าอีกวิธีหนึ่ง

3.ลดการเสียดสี

การเสียดสีเป็นสาเหตุหลักเลยก็ว่าได้ เพราะกิจกรรมในชีวิตของคนเรานั้นใช้อิริยาบถต่างๆประกอบเช่นการเดินแกว่งแขน ซึ่งหลายคนชอบที่จะแกว่งแขนแรงๆ และบ่อย ซึ่งนั่นทำให้รักแร้ของเราเกิดการเสียดสีกันอยู่คลอดเวลาทำให้ผิวบริเวณรักแร้นั้นดำคล้ำขึ้นมาและหลายคนไม่รู้ถึงสาเหตุนี้ เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมาก ๆ เราอาจเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นการพักแขนไว้ที่กระเป๋าสะพาย หรือหาของมาถือก็ได้เช่นกัน

4.ครีมกวนอิม

พระเอกของเราเลยก็คือครีมกวนอิม เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่หลายคนได้ลองใช้ และต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ผลจริง อีกทั้งราคาถูก โดยการทาทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก แต่ต้องทำเป็นประจำทุกวันหลังอาบน้ำ เมื่อผ่านไปหนึ่งเดือนก็จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างแน่นอน

เคล็ดลับเหล่านี้ที่เรานำฝากง่ายมากๆเลยใช่ไหมคะ เพียงแค่เราหมั่นสังเกตพฤติกรรมของเราที่เป็นสาเหตุและแก้ไขให้ตรงจุดแล้วค่อยเริ่มกานบำรุงเพียงเท่านี้การมีรักแร้ที่ขาวกระจ่างใส เนียนนุ่มก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปดดยไม่ต้องเสีเงินเลยค่ะ

Posted on Leave a comment

เคล็ดลับหน้าขาวใสด้วยสูตรธรรมชาติ

    เมื่อผิวหน้าเราหมองคล้ำ แห้งกร้าน แตกลอก สอวกรัง คงไม่มีใครที่อยากจะออกไปพบปะผู้คนอย่างแน่นอนแต่เราไม่สามารถเลี่ยงได้เพราะเราต้องออกไปพบปะผู้คนอยู่แล้วในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะออกไปทำงาน หรือไปเรียนแต่วันนี้ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพราะเราได้นำอาเล็ดลับสูตรธรรมชาติมี่ช่วยให้ผิวเราขาวกระจ่างใสโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี และเสียเงินแพงอีกต่อไปพร้อมออกไปพบปะผู้คนได้อย่างมั่นใจ

เคล็ดลับหน้าขาวใสด้วยสูตรธรรมชาติ

1.ขมิ้นชัน

ขมิ้นชันถือเป็นสมุนไพรที่คนไทยเรานิยมใช้บำรุงผิวมานานโดยสรรพคุณของขมิ้นชันนั้นจะมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิว โดยใช้ผงขมิ้นชันผสมน้ำสะอาดให้ได้เป็นเนื้อเหลวข้นแล้วพอกไว้บนใบหน้าทิ้งไว้ประมาฯ 15-20 นาที แล้วล้างออกก็จะได้สัมผัสที่ขาวสะอาดเรียบเนียนเลยล่ะ

2.น้ำมะนาว

ในน้ำมะนาวจะมีกรดผลไม้AHAที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไปโดยล้างหน้าให้สะอาดใช้น้ำมะนาวจากมะนาว1-2ลูกจากนั้นใช้สำลีชุบแล้วแปะให้ทั่วใบหน้าหรือบริเวณที่ต้องการทิ้งไว้10-15นาทีแล้วล้างออกให้สะอาดจะได้ผิวหน้าที่กระจ่างใสและเนียนนุ่มสิวเสี้ยนสิวอักเสบต่างๆก็จะลดลง

3.แอปเปิล

แอปเปิลเป็นผลไม้ที่ช่วยลดริ้วรอย รอยแดงจากสิวได้ ทั้งยังช่วยให้ใบหน้ามีความกระจ่างใสลดความหมองคล้ำอีกด้วย โดยนำแอปเปิล 1 ผล ไม่ต้องปอกเปลือกไปปั่นให้ละเอียดแล้วนำมาผสมกำบน้ำมะนาวครึ่งผล ตนให้เข้ากันและพอกทิ้งไว้ให้ทั่วใบหน้าประมาณ 10-15 นาทีค่อยล้างออกให้สะอาด ควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน

4.น้ำผึ้ง

น้ำผึ้งมีสรรพคุณอยู่มากมายไม่เพียงแต่ช่วยบำรุงร่างกายแล้วยังช่วยเรื่องความสวยความงามได้อีกด้วยเพราะน้ำผึ้งสามารถต่อต้านและยับยั้งแบคทีเรียทำให้ไม่เกิดสิวง่าย และยังช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มมากขึ้นอีกด้วยโดยให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแล้วนำน้ำผึ้งมาทาและนวดให้ทั่วใบหน้าประมาณ 5 นาที ทิ้งวีอีก 20-30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด จะรู้สึกได้ทันทีว่าผิวหน้ามีความนุ่มชุ่มชื้นมาก กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รับรองว่าผิวหน้าจะเนียนใสไร้สิวเลยทีเดียว

เคล็ดลับสูตรธรรมชาติที่เรานำมาฝากนี้เมื่อทำเป็นประจำสม่ำเสมอ พร้อมทาครีมบำรุงผิวควบคู่ไปด้วยก็จะทำให้ผิวของเราขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ เนียนนุ่มชุ่มชื่น และไม่มีริ้วรอยก่อนวัยอันควร และอย่าลืมที่จะทาครีมกันแดดเมื่อออกไปข้างนอก และล้างหน้าให้สะอาดหมดจดทุกครั้ง เพียงเท่านี้ ก็ออกไปพบปะผู้คนได้อย่างมั่นใจอย่างแน่นอน

 

Posted on Leave a comment

การรักษาฝ้าด้วยสมุนไพร

   ปัญหาคาใจสำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังประสบปัญหากับฝ้าที่ค้างคาใจกันมามากว่าไม่มีวิธีทางธรรมชาติเลยหรือ หลายคนไม่อยากเสี่ยงจากผลข้างเคียงของเทคนิควิธีการรักษาโดยเทคโนโลยีต่าง ๆ แต่ก็เลี่ยงที่จะไม่รักษาไม่ได้ เพราะฝ้าไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบด้านความงามเท่านั้น ยังส่งผลทำให้จิตตกกับปัญหาที่ตามมาอีกด้วยเช่น ภาพลักษณ์ของผู้ที่ทำงานด้านบริการ แต่วันนี้เรามาไขข้อข้องใจว่าวิธีทางธรรมชาติรักษาฝ้าได้หรือไม่

การรักษาฝ้าด้วยสมุนไพร

1.ขมิ้นชัน

นำขมิ้นสดบดละเอียด หรือเลือกใช้ผงขมิ้นชัน ผสมกับนมสดเล็กน้อยพอให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อครีม นำมาขัดให้ทั่วใบหน้า หรือเฉพาะบริเวณที่เป็นฝ้า แล้วพอกทิ้งไว้อีกประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกให้สะอาด สูตรนี้ช่วยลดรอยดำจากฝ้าได้เป็นอย่างดีเพราะในขมิ้นมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกำจัดสิ่งแบคทีเรีย สิ่งสกปรกและรอยดำคล้าให้สว่างกระจ่างใสขึ้น ทั้งยังช่วยสมานผิวให้เนียนนุ่มน่าสัมผัส แบวกกับกรดแลกติกที่มีอยู่ในนมที่ช่วยในเรื่องของความขาวอยู่แล้ว และควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

2.หอมแดง

ในหัวหอมสด ๆ จะมีน้ำมันหอมระเหยเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย ซึ่งประกอบไปด้วยสารที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ทำให้สิวยุบลง และช่วยลดเลือนรอยฝ้า กระให้จางลงได้เป็นอย่างดี เช่น ไดอัลลิน ไตรซัลไฟต์  โดยฝานหอมแดงสดเป็นแว่นบาง ๆ หรือทุบให้มีน้ำออกมา นำมาถูตรงบริเวณที่เป็นฝ้า และทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วจึงล้างออกให้สะอาด สูตรนี้สามารถทำได้เป็นประจำทุกวัน และควรทำช่วงก่อนนอน

3.ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้มีสรรพคุฯช่วยให้รอยฝ้า กระลดเลือน และจางลงทั้งยังช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้นมาก ช่วยฟื้นฝฟูอาการปวดแสบปวดร้อนจากการโดนแลงแดดได้เป็นอย่างดี  โดยจะใช้ว่านหางจระเข้ต้นที่แก่ที่สุดอยูใบล่างๆ ตัดโดนออกแล้วนำไปล้างให้สะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นนำมาปอกเปลือกออกจนได้เนื้อใส ๆ สับให้ละเอียด นำมาผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา พอกให้ทั่วใบหน้า หรือบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด สูตรนี้ก็สามารถทำได้ทุกวัน

    เป็นยังไงบ้างคะสูตรสมุนไพร หรือสูตรธรรมชาติที่เรานำมาฝากกัน สำหรับใครที่กลัวกับผลข้างเคียง หรืออันตรายจากการใช้สารเคมีในการรักษาฝ้า วิธีโดยธรรมชาตินี้นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียวและได้ผลเป็นอย่างดีเมื่อทำบ่อย ๆ รับประกันได้เลยว่ารอยฝ้าลดเลือน และจางลงอย่างแน่นอน

Posted on Leave a comment

วิธีเลือกสบู่ล้างหน้า

บริเวณใบหน้านั้นเป็นบริเวณที่มีผิวบอบบางมาก การเลือกผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับใบหน้าจึงสำคัญมากต้องพิถีพิถันและเลือกให้ดีเหมาะกับสภาพผิวหน้าของเราด้วย สบู่ในปัจจุบันนั้นมีหลายยี่ห้อและหลากหลายสรรพคุณมีทั้งสบู่เหลวและสบู่ก้อน แล้วเราจะเลือกสบู่ยังไงดีละให้ดีกับผิวหน้าของเรา วันนี้เราจึงมีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการเลือกสบู่ล้างหน้ามาฝาก อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าสบู่ล้างหน้าต้องเลือกอย่างไรถ้าอย่างนั้นอย่ารอช้าเราไปดูกันเลย

วิธีเลือกสบู่ล้างหน้า

อย่างแรกเราต้องรู้จักสบู่เสียก่อน สบู่นั้นมี 2 ประเภทคือสบู่ไขมันและสบู่กลีเซอรีน สบู่ไขมันนั้นทำมาจากไขมันผสมกับด่างมีค่าความเป็นด่าค่อนข้างสูง สามารถละลายไขมันที่มีค่าเป็นกรดได้ดีมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดสูงส่วนสบู่กลีเซอรีนจะเป็นสบู่ที่สามารถดูดความชื้นจากอากาศไว้ในตัวได้ดีมีความเป็นด่างน้อยกว่าสบู่ไขมัน แต่ก็มีความเป็นด่างสูงกว่าผิวธรรมชาติของเรา ดังนั้นคนที่มีผิวมันสบู่ที่ควรเลือกคือสบู่ไขมัน เพราะสามารถทำความสะอาดได้สูงชำระล้างไขมันได้ดีลดการอุดตันของรูขุมขนที่เป็นสาเหตุของเจ้าตัวร้ายอย่างสิวนั้นเองแต่แนะนำให้ใช้สบู่ธรรมชาติในการล้างหน้าเช่นสบู่ที่ใช้ไขมันปาร์มเป็นหลักหรือจะมีไขมันหลายชนิดมาผสมกันแต่มีความอ่อนโยนต่อผิวมากฟองจะมีลักษณะนุ่ม คนที่มีผิวหน้าธรรมดาสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายจะเป็นสบู่ไขมันก็ได้หรือจะเป็นสบู่กลีเซอรีนก็ได้เพราะเป็นผิวที่ผลิตน้ำมันออกมาพอดีแต่ที่แนะนำคือสบู่กลีเซอรีนเป็นหลักเพราะส่วนมากจะเป็นสบู่ที่ได้มาจากสารสกัดจากธรรมชาติ สารเคมีน้อยปลอดภัยต่อผิวหน้า แล้วสำหรับคนที่มีผิวหน้าที่แห้งไม่ควรใช้สบู่ไขมันเพราะมันจะทำให้ชำระล้างไขมันบนหน้าออกไปมากเกินไปทำให้ผิวหน้ายิ่งแห้งเข้าไปอีกและสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายใช้อะไรก็แพ้มีผื่นแดงขึ้นเต็มหน้าหรือแสบหน้าก็ควรใช้สบู่ที่อ่อนโยนกับผิวเป็นพิเศษสบู่กลีเซอรีนที่สกัดมาจากธรรมชาติจึงเหมาะมากๆ  สำหรับคนที่แพ้สารเคมีง่าย

  อย่างที่บอกไปว่าผิวหน้าของเราบอบบางและอ่อนโยนสบู่ที่เลือกแนะนำให้เป็นสบู่ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติหรือสบู่สมุนไพรที่ไม่มีสารเคมีหรือมีส่วนผสมของสารเคมีน้อยที่สุดและเหมาะสมกับผิวหน้าของเราที่สุดเพื่อป้องกันการเกิดสารตกค้างทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้าหรือถ้าสบู่แรงเกินไปก็จะทำให้ผิวหน้าบางเข้าไปกว่าเดิมนั้นเอง